เมื่อ 20 ก.พ.2556 สตม.ถือหมายศาลเชียงใหม่ ตามจับแก๊งไนจีเรียและสาวไทย ร่วมกันแช็ตจีบสาวไทย ลวงให้โอนเงิน ตามล่าถึงห้องพักย่านราม คำแหง ค้นห้องพบรายชื่อเหยื่อนับร้อยราย ช่วง 2 เดือนที่ผ่านมาหลอกสาวมา 15 รายได้เงินไป 8 ล้าน รายล่าสุดถูกหลอกโอนเงินให้ 1.7 ล้าน
พฤติกรรมหลอกเป็นหนุ่มมะกัน-ยุโรปฐานะดี ทำทีมาจีบสาวไทยผ่านโลกออน ไลน์ ก่อนหลอกว่าส่งของมีค่ามาให้ แล้วให้สาวไทยร่วมแก๊งอ้างเป็นจนท.ไปเก็บค่าธรรมเนียม
เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 19 ก.พ. ที่สำนัก งานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) พล.ต.ท.ภาณุ เกิดลาภผล ผบช.สตม. พล.ต.ต.ชิษณุพงศ์ ยุกตะทัต รอง ผบช.สตม. พล.ต.ต.ปรีชา ธิมามนตรี รอง ผบช.สตม. พล.ต.ต.รณศิลป์ ภู่สาระ ผบก.สส.สตม. พร้อม เจ้าหน้าที่กก. 1 บก.สส.สตม. แถลงข่าวจับกุมแก๊งแช็ต หลอกลวงประชาชนผ่านโซเชี่ยลเน็ตเวิร์ก ได้ ผู้ต้องหา 4 ราย ประกอบด้วย
1. นางอัญชิษฐา หรือแองจี้ ประเสริฐศรี อายุ 32 ปี,
2. นายชินอนซู เอ็มมานูเอล อีเซโอเก หรือเอมม่า อายุ 32 ปี,
3. นายชิดิ ลาวา เอ็นวา หรือไอบีบี อายุ 40 ปี และ
4. นายพีออส เอเกเน เอ็นนาจี อายุ 43 ปี
ทั้งสามคนสัญชาติไนจีเรีย ตามหมายจับศาลจังหวัดเชียงใหม่ พร้อมของกลาง - บัตรเอทีเอ็ม 4 ใบ - โทรศัพท์มือถือ และ - สมุดบันทึกรายชื่อเหยื่อกว่า 100 ราย
โดยสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ภายในห้องพักซอยรามคำแหง 8 แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ กรุงเทพฯ พล.ต.ท.ภาณุเปิดเผยว่า การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจากมีผู้เสียหายซึ่งส่วนใหญ่จะเป็น ผู้หญิงเข้ามาร้องเรียนเป็นจำนวนมาก รวมถึงสาวเชียงใหม่ที่ไปแจ้งความดำเนินคดีไว้ว่า ถูกคนร้ายเข้ามาตีสนิททางโปรแกรมแช็ตต่างๆ ในโซเชี่ยลเน็ตเวิร์ก เช่น เฟซบุ๊ก
โดยกลุ่มคนร้ายจะใช้ลงโปรไฟล์และรูปที่หล่อเหลาในการแช็ต หลอกลวงเหยื่อสาวไทยว่าตัวเองเป็นชาวยุโรป หรืออเมริกัน มีฐานะการเงินดี ใช้ถ้อยคำหวานๆ หลอกให้เหยื่อสาวตายใจ โดยการจีบสนทนาเป็นแฟนกันตั้งแต่ 1 เดือนถึงเป็นปี พล.ต.ท.ภาณุกล่าวอีกว่า เมื่อเหยื่อหญิงสาวหลงเชื่อ คนร้ายจะทำทีหลอกว่าจะส่งของมีค่ามาให้เหยื่อ โดยจะส่งภาพใบส่งสินค้าและสิ่งของมีค่ามาให้ดูเพื่อเป็นการยืนยันแล้วให้เหยื่อโอนเงินไปให้เบื้องต้นขั้นต่ำประมาณ 2-3 หมื่นบาท เมื่อเหยื่อยังไม่ได้สินค้าก็จะมีวิธีอ้าง โดยให้นางอัญชิษฐา หรือแองจี้ ปลอมเป็นเจ้าหน้าที่ของทางสถานทูตแจ้งให้เหยื่อชำระค่าธรรมเนียมภาษี เมื่อเหยื่อหลงเชื่อจะโอนเงินเพื่อชำระเพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆ ถึงขั้นหลักล้านบาท จนกว่าเหยื่อจะไม่หลงเชื่อแล้วจึงไปหลอกลวงเหยื่อรายใหม่
เบื้องต้นตรวจสอบย้อนหลังประมาณ 2 เดือน พบว่ามีเหยื่อหลงเชื่อแล้ว 15 รายสูญเงินไปแล้วกว่า 8 ล้านบาท และที่โอนเงินจริง 18 ราย ซึ่งรายล่าสุดโดนไปกว่า 1.7 ล้านบาทภายในสองสัปดาห์ พล.ต.ท.ภาณุกล่าวด้วยว่า จากการสอบ สวนนางอัญชิษฐาให้การรับสารภาพว่า รู้จักกับแก๊งดังกล่าวได้เพราะเคยมีแฟนเป็นชาวต่างชาติที่รู้จักกับคนในแก๊ง โดยตนจะทำหน้าที่โทร.ไปหลอกลวงเหยื่อยืนยันว่า เป็นเจ้าหน้าที่ของทางสถานทูตไทยจริง เพื่อให้เหยื่อชำระค่าธรรมเนียมภาษี จะได้ค่าจ้างเป็นกรณีตั้งแต่ 1,000-3,000 บาท โดยทำมาแล้วเกือบ 1 ปี พล.ต.ต.รณศิลป์กล่าวว่า ขบวนการดังกล่าว มีตัวการใหญ่อยู่ประเทศมาเลเซีย ซึ่งมีผู้ร่วมแก๊งอยู่ประมาณ 70 คน ส่วนใหญ่ผู้เสียหายจะโดนหลอกเบื้องต้นหลักหมื่นถึงแสนบาท ถ้าโดนหลอกเป็นระยะเวลานานจะโดนถึงขั้นหลักล้านบาท หลังจากนี้จะติดตามจับกุม ผู้ร่วมขบวนการที่เหลือทั้งหมดอีก ส่วน ผู้ต้องหา 4 รายนี้ เบื้องต้นได้แจ้งข้อหาร่วมกันฉ้อโกง และส่งตัวไปดำเนินคดีกับพนักงาน สอบสวน สภ.เมืองเชียงใหม่ต่อไป หากผู้เสียหายรายใดเคยโดนหลอกตามพฤติกรรมแบบนี้สามารถมาตรวจสอบได้
รายละเอียดเพิ่มเติม
เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง สามารถจับกุม นางอัญชิษฐา ประเสริฐศรี (แองจี้) พร้อมกับพรรคพวกชาวไนจีเรียอีก 3 คน ตามหมายจังของศาลจังหวัดเชียงใหม่ ในข้อหาฉ้อโกง พร้อมกับนั้น ยังสามารถรวบรวมของกลางได้จำนวนมาก ได้แก่ บัตรเอทีเอ็ม โทรศัพท์เคลื่อนที่ และสมุดบัญชีของเหยื่อกว่า 100 คน
ทั้งนี้ นางอัญชิษฐา ให้การว่า เป้าหมายส่วนใหญ่ที่ตนจะหลอกนั้น มักเป็นผู้หญิง โดยจะเริ่มเข้ามาตีสนิทผ่านโซเชียลเน็ตเวิร์กต่าง ๆ ก่อน เช่น เฟซบุ๊ก และก็จะใช้ภาพโปรไฟล์ของตนเองเป็นชาวยุโรปหรืออเมริกันหน้าตาดี จากนั้นก็จะสร้างสถานการณ์เหมือนตนจะส่งของมีค่าไปให้เหยื่อเช่น บ้านหรือรถยนต์ และหลักฐานคือรูปสินค้าและใบส่งสินค้า พร้อมกับเจรจาด้วยถ้อยคำที่หวาน ๆ ให้เหยื่อหลงเชื่อ
ผู้ต้องหา ให้การต่อไปว่า เมื่อ เหยื่อแจ้งว่ายังไม่ได้สินค้า นางอัญชิษฐาก็จะไปหาเหยื่อ อ้างว่าตัวเองเป็นเจ้าหน้าที่สถานทูต หลอกเหยื่อไปว่า ผู้ต้องชำระค่าธรรมเนียมภาษีก่อน ถึงจะได้ของ กระทั่งเหยื่อหลงเชื่อ โอนเงินมาให้ ก็จะชิ่งหนีทันที ทั้งนี้ ตนทำแบบนี้มาแล้วกว่า 1 ปี โดยได้รับค่าจ้างจากชาวไนจีเรียเป็นกรณีไป ครั้งละ 1-3 พันบาท แต่รายได้โดยรวมที่หลอกมาได้นั้น มากกว่า 8 ล้านบาทแล้ว
ทั้งนี้ นางอัญชิษฐา ให้การว่า เป้าหมายส่วนใหญ่ที่ตนจะหลอกนั้น มักเป็นผู้หญิง โดยจะเริ่มเข้ามาตีสนิทผ่านโซเชียลเน็ตเวิร์กต่าง ๆ ก่อน เช่น เฟซบุ๊ก และก็จะใช้ภาพโปรไฟล์ของตนเองเป็นชาวยุโรปหรืออเมริกันหน้าตาดี จากนั้นก็จะสร้างสถานการณ์เหมือนตนจะส่งของมีค่าไปให้เหยื่อเช่น บ้านหรือรถยนต์ และหลักฐานคือรูปสินค้าและใบส่งสินค้า พร้อมกับเจรจาด้วยถ้อยคำที่หวาน ๆ ให้เหยื่อหลงเชื่อ
ผู้ต้องหา ให้การต่อไปว่า เมื่อ เหยื่อแจ้งว่ายังไม่ได้สินค้า นางอัญชิษฐาก็จะไปหาเหยื่อ อ้างว่าตัวเองเป็นเจ้าหน้าที่สถานทูต หลอกเหยื่อไปว่า ผู้ต้องชำระค่าธรรมเนียมภาษีก่อน ถึงจะได้ของ กระทั่งเหยื่อหลงเชื่อ โอนเงินมาให้ ก็จะชิ่งหนีทันที ทั้งนี้ ตนทำแบบนี้มาแล้วกว่า 1 ปี โดยได้รับค่าจ้างจากชาวไนจีเรียเป็นกรณีไป ครั้งละ 1-3 พันบาท แต่รายได้โดยรวมที่หลอกมาได้นั้น มากกว่า 8 ล้านบาทแล้ว